FUTURE SIMPLE TENSE


FUTURE  TENSE

1.  Future  Simple  Tense  (อนาคตแบบธรรมดา)

               ณพวัสส์  ธัมพิพิธ  (2550  :  328)  ได้กล่าวถึงโครงสร้างของ  Future  Simple  Tense ไว้  คือ    S  +  will,  shall  +  Verb  1  ซึ่งมีการใช้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ  ดังต่อไปนี้                                                                                                                          หลักการใช้  Future  Simple  Tense
1.   ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ซึ่งผู้พูดคิด
คาดหวัง  หรือคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น  และมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลาในอนาคตต่อไปนี้อยู่ในประโยค  Future  Simple  Tense  ด้วย  ซึ่งได้แก่
tomorrow    =   วันพรุ่งนี้               tonight          =   คืนนี้
                                next time    =   โอกาสหน้า            soon              =   เร็วๆ นี้
next week   =   สัปดาห์หน้า          later               =  ภายหลัง
next month =   เดือนหน้า             immediately  =  ทันที  เป็นต้น
ตัวอย่าง  เช่น
                       I  will  go  to  the  post  office  this  afternoon.
                       ฉันจะไปที่ทำการไปรษณีย์บ่ายวันนี้
                       As  soon  as  Enrique  Iglesais  comes,  I  will  tell  him.
                       ทันที่เอ็นริเก  อิเกลเซียสมาถึง  ฉันจะบอกเขา              
                       Damrong  will  come  here  next  week.
                       ดำรงจะมาที่นี่สัปดาห์หน้า
                       She  will  give  you  some  money  tonight.
                       เธอจะให้เงินคุณคืนนี้
                       I  shall  phone  you  again  shortly.
                       ผมจะโทรศัพท์ไปหาคุณเร็ว ๆ  นี้
นอกจากนี้  ประเพศ  ไกรจันทร์  (2552  :  222)  ยังได้ยกตัวอย่าง การตั้งคำถามในกรณีการถามในเหตุการณ์หรือการกระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  โดยมีการคาดหวังไว้ดังต่อไปนี้
ประเภท  Yes/No – Questions  เช่น
                       Will  you  go  home  by  taxi  if  it  rains?
                       คุณจะกลับบ้านโดยรถแท็กซี่ใช่ไหม  ถ้าฝนตก
                       Shall  I  see  you  tomorrow?
                       จะให้ผมไปหาคุณไหม  พรุ่งนี้  เป็นต้น
ประเภท  Wh – Question  เช่น
                       What  will  you  do  tomorrow?
                       พรุ่งนี้  คุณจะทำอะไร
                       When  we  she  call  you?
                       เธอจะโทรหาคุณเมื่อไหร่  เป็นต้น


การใช้  Will/shall
ณพวัสส์  ธัมพิพิธ  (2550  :  329)  ได้กล่าวถึงการใช้  will/shall  ไว้ดังนี้
Will/shall  แปลว่า  จะ เป็นกริยาช่วยที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ตามหลักการหรือกฎเกณฑ์ใช้  Future  simple  tense  นี้  จะมาเสริมกริยาแท้เท่านั้น
                will  (จะ)  ใช้กับประธานได้ทุกตัวไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ตาม  แต่ยกเว้นสรรพบุรุษที่  1  คือ  I  กับ  We  เท่านั้น
        He  will  buy  sometime  for  me.
                        เขาจะซื้ออะไรบางอย่างให้ผม
ส่วน  shall  (จะ)  ก็เช่น
                        We  shall  move  into  a  new  house  soon.
                        เราจะย้ายเข้าสู่บ้านหลังใหม่เร็ว ๆ  นี้
การใช้  will  และ  shall  ที่อยู่นอกฎเกณฑ์  มีหลักการใช้  ดังนี้
1)  will  ที่เกิดจากสรรพนามบุรุษที่ 1 คือ  I  และ  We  นั้น  หมายถึง  การกระทำหรือ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น  เกิดจากความตั้งใจและการวางแผนของผู้พูด  โดยที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นแน่นอน
ตัวอย่าง  เช่น
        I  will  send  you  some  money  on  March  15  th.
                        ผมจะส่งเงินไปให้คุณในวันที่  15  มีนาคมนี้  (แน่นอน)
                        We  will  celebrate  our  Songkran  Day  on  April  13  th.
                        พวกเราจะฉลองวันสงกรานต์ในวันที่  13  เมษายนนี้  (แน่นอน)
                ประโยค  2  ประโยคข้างต้น ผู้พูดตั้งใจหรือวางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรในอนาคตอันใกล้นี้     ในลักษณะการใช้ข้างต้นนี้  เรามักจะนำมาใช้กับการพูดมากกว่าการเขียน  โดยเฉพาะอังกฤษแบบอเมริกัน  ซึ่งผู้พูดมักจะใช้  will  แทน  shall  ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม  ก็คือ  will  ใช้แบบไม่เป็นทางการมากกว่า  shall
2)  shall  ใช้เช่นเดียวกับ  will  แต่มักจะใช้เป็นทางการมากกว่า  เช่น  ใช้ในการสั่งการ
ของทหารหรือตำรวจ
ตัวอย่าง  เช่น
       They  have  to  stay  in  the  camp,  otherwith  will  shall  be  punished.
       พวกเขาจะต้องพักอยู่ในค่าย  ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษ
       You  have  to  come  to  work  early,  otherwise  you  shall  be  fired.
       คุณจะต้องมาทำงานแต่เช้า  ถ้าไม่เช่นนั้น  คุณจะถูกไล่ออก
3)  Shall  ใช้เพื่อให้คำมั่นสัญญาหรือการตกลงกันตามสัญญามากกว่าอย่างอื่น  คือ  ผู้พูด
เป็นคนให้คำมั่นสัญญาเอง
ตัวอย่าง  เช่น
                       If  she  studies  hard  and  can  pass  her  exam,  she  shall  get  a  present  from  me.
                       ถ้าเธอเรียนหนักและสามารถสอบไล่ผ่านได้  เธอจะได้รับรางวัลจากผม    
       เราใช้  I  will  เมื่อตัดสินใจว่าจะทำบางสิ่งบางอย่างในขณะที่พูด
To  be  going  to  กับ  Future  simple  tense                               
                ประเพศ  ไกรจันทร์  (2552  :  225)  กล่าวถึง  To  be  going  to  (กำลังจะ)  ว่ามีการใช้ดังนี้ 
1)  แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนเร็ว ๆ  นี้  เนื่องจากมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้  ซึ่งจะ
ใช้  will  แทนไม่ได้เพราะ  will  ใช้แสดงความคิด  ความเชื่อของผู้พูด  และไม่มีสัญญาณบ่งชี้หรือไม่เจาะเวลาที่เกิดขึ้น  เช่น
                        Look  at  those  clouds.  It’s  going  to  rain.
                        ดูเมฆเหล่านั้นสิ  ฝนกำลังจะตก
2)  แสดงความตั้งใจของผู้พูด  ซึ่งต้องมี  Adverb  of  time  เสมอ  ซึ่งต่างจาก  Present
Continuous  ที่เป็นแผนการหรือการนัดหมาย  เช่น
                        I’m  going  to  see  Lek  at  7  p.m.
                        ฉันตั้งใจจะไปหาเล็กตอน  1  ทุ่ม
                        I’m  seeing  Lek  at  7  p.m.
                        ฉันนัดจะไปหาเล็กตอน  1  ทุ่ม
3)  แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในทันที
Here  is  my  camera  you  asked  for.  I’m  going  to  show  you  how  to  use  it.
       นี่กล้องถ่ายรูปที่คุณขอ  ฉันกำลังจะแสดงวิธีใช้ให้คุณดูเดี๋ยวนี้
  
2.  ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำในประโยคเงื่อนไข  หรือที่เรียกว่า  Adverb  Clause  
Of  Condition  โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ในเหตุการณ์การสมมติที่ต้องการให้เป็นไปในอนาคต  โดยมีโครงสร้าง  ดังนี้
                        If  +  Present  Simple  Tense  +  Future  Simple  Tense  
ตัวอย่าง เช่น
                        If  you  come  here  tomorrow,  I  will  give  you  the  money.
                        ถ้าคุณมาที่นี่พรุ่งนี้  ผมจะให้เงินจำนวนนั้นแก่คุณ
                        If  many  student  is  sick  tomorrow,  the  teacher  will  postpone  the  test.
                        ถ้านักเรียนคนใดคนหนึ่งไม่สบายในวันพรุ่งนี้  อาจารย์ท่านนั้นก็จะเลื่อนการทดสอบออกไป
        If  she  speak  English  well,   she  will  get  a  good  job.
                        ถ้าเธอพูดภาษาอังกฤษเก่ง  เธอก็จะได้ทำงานที่ดี
 If  you  meet  Nui,  you’ll  like  him.
 ถ้าคุณเจอหนุ่ย  คุณจะชอบเขา

ความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง  will,  shall  “จะ”  กับ  be  going  to  “จะ”  คือ
วิโรจน์  สารรัตนะ  (2525  :  76)  ได้กล่าวไว้ว่า  will, shall  ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต  ซึ่งเป็นการพูดขึ้นลอย ๆ โดยที่ผู้พูดมีความคิด  (thinking)  ความหวัง  (hoping)  หรือคาดการณ์  (calculating) ว่าจะเกิดขึ้น  ตัวอย่าง  เช่น
                        I  hope  one  day  I  shall  go  to  Canada.
                        ผมหวังว่าสักวันหนึ่ง  ผมจะไปประเทศแคนาดา
        (ประโยคนี้  หมายความว่า  ผู้พูดมีความหวังว่าจะไปประเทศแคนาดา  แต่เหตุการณ์ที่ผู้พูดกล่าวมานั้น  จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ยังไม่แน่นอน  ซึ่งทุกคนอาจจะมีความหวังหรือความฝัน  ดังกล่าว)
                        He  thinks  his  children  will  be  good  looking.
                        เขาคิดว่าลูก ๆ  ของเขาจะหน้าตาดี
                        (ประโยคนี้  หมายความว่า  คนที่เราพูดถึงนั้น  เขามีความคิดว่าลูก ๆ  ของเขาเวลาโตขึ้นจะหน้าตาดี  แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น  ก็ยังไม่แน่นอน  เพราะเป็นเพียงการคิดเท่านั้น)
         She  will  be  a  teacher  in  the  future.
                         เธอจะเป็นครูในอนาคต
                         (ประโยคนี้  หมายความว่า  คนที่เราพูดถึงนั้น เธอเรียนหนังสือเพื่อคาดหรือหวังว่าจะเป็นครู  แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น  ก็ยังไม่แน่เพราะเป็นการคาดหวังไว้ในอนาคตเท่านั้น)
ความเหมือนและความแตกต่างของ  will, shall  กับ  be  going  to  อีกประการหนึ่งก็คือว่า
                   (A)  will, shall  ใช้ได้ทั้งเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นโดยความตั้งใจของผู้พูดและเกิดโดยธรรมชาติ
                   (B)  be  going  to  ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นจากการวางแผนหรือความตั้งใจเท่านั้น  ซึ่งเจ้าของภาษาไม่จำเป็นต้องจำกฎเกณฑ์เหล่านี้  เพราะสามารถใช้ได้อย่างถูกต้องอยู่แล้ว  ตัวอย่าง  เช่น
                        He  will  go  abroad  next  month.
                        เขาจะไปต่างประเทศในเดือนหน้า
                        He  is  going  to  go  abroad  on  March 5 th.
                        เขาจะไปต่างประเทศในวันที่ 5 มีนาคม  (ที่จะถึงนี้)
และจะเปรียบให้ดูว่าแบบไหนถูก  ดังนี้
                ถูก   She  will  be  completely  eighteen  next  month.
                        เธออายุครบ 18 ปี  เดือนหน้า
                ผิด   She  is  going  be  completely  eighteen  on  April 15 th.
                        เธอจะอายุครบ 18 ปี ในวันที่ 15 เมษายน (ที่จะถึงนี้).
ถูก   This  month  is  January  ;  next  month  will  be  February.
        เดือนนี้  คือ  เดือนมกราคม  เดือนหน้าก็จะเป็นเดือนกุมภาพันธ์
ผิด   This  month  is  January  ;  next  month  is  going  to  be  February.
        เดือนนี้  คือ  เดือนมกราคม  เดือนหนาก็จะเป็นเดือนกุมภาพันธ์
       
หมายเหตุ      สำหรับ  shall  ตามหลักการใช้นั้น  ปกติจะใช้กับประธานที่เป็นสรรพนามบุรุษที่  1  
        คือ  I  กับ  We  แต่ปัจจุบันนี้ทั้ง  British  English,  Canadian  English  และ  American    
        English   (ภาษาอังกฤษที่ใช้ตามแบบประเทศอังกฤษ  แบบประเทศแคนาดา  และ  
        แบบอเมริกัน)  ได้หันกลับมาใช้  Will  เพื่อบ่งบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 
        แทน  shall  หมดแล้วทั้งทางด้านภาษาพูดและภาษาเขียน  แต่พวกอนุรักษ์นิยมหรือ
        พวกชอบทำตัวเป็นผู้ดี  ก็ยังใช้  shall  กับสรรพนามบุรุษที่ 1  คือ  I  กับ  We  อยู่  และ
        ถ้าเป็นประโยคชักชวนหรืออ้อนวอน  ปัจจุบันก็ยังใช้  shall  อยู่


การใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall
                เราสามารถใช้  (be)  going  to  +  Verb  1  แทน  will, shall  ในกรณีต่อไปนี้
1)  ใช้  (be)  going  to  +  Verb  1  เพื่อแสดงความตั้งใจ  (Intention)  แทน  will, shall  ได้
เช่น
I  am  going  to  write  to  Anong  this  evening.
เย็นวันนี้ผมตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงอนงค์
(ประโยคนี้มีความหมายเท่ากับ  I  shall  write………)
We  are  going  to  buy  a  house  in  Bangkok  next  year.
พวกเราตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลังไว้ที่กรุงเทพปีหน้า
(ประโยคนี้มีความหมายเท่ากับ  We  shall  buy………)
2) ใช้  (be)  going  to  +  Verb  1  เพื่อแสดงกการคาดคะเน  (Suggestion)  แทน  will,
shall ได้  เช่น
 I  think  it  is  going  to  rain.
        ผมคิดว่าฝนคงตก  (แน่นอน)
        (ประโยคนี้มีความหมายเท่ากับ ………it  will  rain)
 I  am  afraid  that  the  repairs  to  our  house  are  going  to  cost  a  lot  of  money.
 ผมเกรงว่าการซ่อมแซมบ้านของเราคงจะใช้เงินเป็นจำนวนมาก  (อย่างแน่นอน)
                       (ประโยคนี้มีความหมายเท่ากับ ……… the  repairs………will  cost)
3) ใช้  (be)  going  to  +  Verb  1  เพื่อแสดงข้อความที่เชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดย
ปราศจากข้อสงสัย (Inevitability) แทน  will, shall  ได้  เช่น
                        My  wife  is  going  to  have  a  baby.
                        ภรรยาของผมจะมีลูกแล้ว  ( =  My  wife  will  have  a  baby)
กรณีที่ห้ามใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall
                สภาวะธรรมชาติทั่วไปแล้ว เมื่อมีข้อบังคับก็ต้องมีข้อยกเว้น  เพราะฉะนั้น  (be)  going  to  ก็เช่นเดียวกัน  เมื่อใช้แทน  will, shall  เพื่อแสดงอนาคตกาลได้  ไม่ได้หมายความว่าจะใช้แทนได้ในทุกกรณีเสียไปหมด  ยัง...ยังมีข้อยกเว้น  ที่ไม่อาจนำเอา  (be) going  to มาใช้แทน will, shall  ได้นั่นคือ
1)  เหตุการณ์ที่เป็นอนาคตอันแท้จริง (Pure  Futurity) ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติโด
หลีกเลี่ยงไม่ได้  ไม่สามารถใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall  ได้   คงใช้เฉพาะ  will, shall ตลอดไป  เช่น
                        วันนี้เป็นวันพุธที่  21  พรุ่งนี้จะเป็นวันที่  22
                ผิด   Today  is  the  21  st  ;  tomorrow  is  going  to  be  the  22  nd.
                ถูก   Today  is  the  21  st  ;  tomorrow  will  be  the  22  nd.
                        (วันนี้เป็นวันที่  21  และพรุ่งนี้เป็นวันที่  22  นั้นถือว่า เป็นอนาคตที่จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง  แม้จะตั้งใจ  จงใจ  สมัครใจหรือไม่ก็ตาม  มันก็เป็นโดยธรรมชาติของมันอยู่อย่างนั้น  กรณีเช่นนี้ใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall  ไม่ได้)
2) ห้ามใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall  ในประโยคเงื่อนไขที่เชื่อมด้วย  if  คงใช้
เฉพาะ  will, shall  อย่างเดียว  เช่น
                ผิด   I  am  going  to  do  this  for  you  if  you  give  me  twenty  bath.
                ถูก   I  shall  (will)  do  this  for  you  if  you  give  me  twenty  bath.
                        ผมจะช่วยทำสิ่งนี้ให้คุณ  ถ้าคุณให้เงินผม  20  บาท
3)  ห้ามใช้  (be)  going  to  แทน  will, shall  กับกริยาแสดงการรับรู้  คงใช้เฉพาะ  will,
shall   เท่านั้น (Verb  แสดงการรับรู้  ได้แก่  know,  understand,  remember,  forget,  like,  love,  etc.)  เช่น      I  will  understand  what  you  said.
                        (อย่าใช้  I  am  going  to  understand  what  you  said.)
                         ผมจะต้องเข้าใจสิ่งที่คุณพูด


การใช้  (be)  going  to  ในประโยคแสดงอดีตกาล
สำราญ  คำยิ่ง  (2550  :  291-294) กล่าวถึง  (be)  going  to  ในประโยคแสดงอดีตกาล  ไว้ดังนี้       S  +  Was, were  +  going  to  +  Verb 1
(be)  going  to  นำมาใช้ในรูปอดีตกาล  เพื่อแสดงว่า  การกระทำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเลย หมายความว่า  ในอดีตที่ผ่านมาตั้งใจจะทำสิ่งนั้น ๆ  แต่แล้วก็ไม่ได้ทำดังที่ตั้งใจเอาไว้  จะด้วยเหตุผลใด ๆ  ก็แล้วแต่ที่มาขัดขวาง  เช่น
        We  were  going  to  play  tennis  yesterday,  bud  it  rained.
        เรา  (ตั้งใจ)  จะเล่นเทนนิสเมื่อวานนี้  แต่ฝนได้ตกลงมา
        (เราเลยไม่ได้เล่นเทนนิสดังที่ตั้งใจไว้)
หมายเหตุ      รูป  be  going  to  ส่วนมากนิยมเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน
                                                                                                                                                       
3.  ใช้ร่วมกับกริยาที่ไม่นิยมใช้ในรูป  Continuous  Tense  และกับกริยาต่อไปนี้  ได้แก่
Assume (สมมุติ)                                 be afraid (เกรงว่า)
be sure (แน่ใจว่า)                               believe (เชื่อ)
dare say (กล้าพูด)                               doubt (สงสัย)     
expect (คาดว่า)                                    hope (หวัง)
know (ทราบ)                                       suppose (สมมุติ,คิด)
think (คิด)                                            wonder (สงสัย) 
เพื่อใช้แสดงความคิดเห็น การสันนิษฐาน  และการคาดหลังเหตุการณ์ในอนาคต 
และกับกริยาวิเศษณ์บางตัว  เช่น  perhaps (บางที) ,possibly (อาจจะ) ,  probably (อาจจะ) ,  surely , (แน่นอน) นั้น  ณพวัสส์  ธัมพิพิธ.  (2550  :  327)ได้กล่าวไว้ยกตัวอย่าง  เช่น
                I  think  I’ll  stay  (at)  home  tonight.
                ฉันคิดว่าคืนนั้นจะอยู่บ้าน
                I’ll  pay  you  back  as  soon  as  I  have  some.
                ฉันจะคืนเงินให้คุณทันทีที่ฉันมีบ้าง
                We’ll  probably  go  to  Pattaya  this  Saturday.
                พวกเราอาจจะไปพัทยาวันเสาร์นี้


การใช้  will  และ  shall  กับสรรพนามบุรุษที่  1
1.  Will  แสดงความตั้งใจ  =  intent  to  ส่วน  shall  ใช้กับการกระทำที่ไม่เกี่ยวกับความ
ตั้งใจหรือความปรารถนาของผู้พูด
                        I’ll  go  with  you.  =  I  intend  to  go  with  you.
                        ฉัน  (ตั้งใจ)  จะไปกับคุณ
                        I  shall  be  25  next  month.
                        ฉันจะมีอายุครบ  25  ปีในเดือนหน้า
                        We  shall  know  the  truth  as  soon  as  he  arrives.
                        ฉันจะรู้ความจริงทันทีที่เขามาถึง
Shall  ยังอยู่ในรูปประโยคคำถามที่เป็นการให้ข้อเสนอแนะ  การขอคำแนะนำ  และใน Question  Tag  ที่ขึ้นต้นด้วย  Let’s
                        Shall  we  have  the  garden  done?
                        เราให้คนมาทำสวนให้ดีไหม?
                        What  shall  I  do  with  this  cheque?
                        ฉันจะทำอย่างไรดีกับเช็คใบนี้
                        Let’s  go  swimming,  shall  we?
                        เราไปว่ายน้ำกันเถอะดีไหม?
2.  Shall ใช้แสดงความมุ่งมั่นแทน  will   เมื่อต้องการให้มีน้ำหนักขึ้น
        We  shall  win  this  race.
        พวกเราจะชนะการแข่งขันครั้งนี้แน่นอน
ดังนั้น  โดยทั่วไปแล้วจะใช้  will  เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก

4)  แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนเร็วๆ  นี้  เนื่องจากมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้  ซึ่งจะ
ใช้  Will  แทนไม่ได้เพราะ  will  ใช้แสดงความคิด   ความเชื่อของผู้พูด  และไม่มีสัญญาณบ่งชี้หรือไม่เจาะเวลาที่เกิดขึ้น  ตัวอย่าง  เช่น
                Look  at  those  clouds.  It’s  going  to  rain.
                ดูเมฆเหล่านั้นสิ  ฝนกำลังจะตก

5)  แสดงความตั้งใจของผู้พูด  ซึ่งต้องมี  Adverb  of  time  เสมอ  ซึ่งต่างจาก     Present  Continuous              ที่เป็นแผนการหรือการนัดหมายนั้น  ณพวัสส์  ธัมพิพิธ  (2550  :  329)  ได้กล่าวไว้ว่า     I’m  going  to  see  Lek  at  7  p.m.
                        ฉันตั้งใจจะไปหาเล็กตอน  1  ทุ่ม
                        I’m  seeing  Lek  at  7  p.m.
                        ฉันนัดจะไปหาเล็กตอน  1  ทุ่ม

6)  แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในทันที
 Here  is  my  camera  you  asked  for.  I’m  going  to  show  you  how  to  use  it.
        นี่กล้องถ่ายรูปที่คุณขอ  ฉันกำลังจะแสดงวิธีใช้ให้คุณดูเดี๋ยวนี้


ที่มา

ประเพศ  ไกรจันทร์.    (2552).    เรียนรู้หลักไวยากรณ์อังกฤษง่ายนิดเดียว.    พิมพ์ครั้งที่  8.   

กรุงเทพฯ  :  ศยาม.
ณพวัสส์  ธัมพิพิธ.    (2550).    ไวยากรณ์อังกฤษ  อย่าคิดว่ายาก.    พิมพ์ครั้งที่  9.    กรุงเทพฯ  :
              จุลาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิโรจน์  สารรัตถะ.    (2525).    English  for  study  and  Entrance.    กรุงเทพฯ  อักษรบัณฑิต.
สำราญ  คำยิ่ง.    (2550).    Advanced  English  Grammar  for  High  Learners.    กรุงเทพฯ 
วี.เจ.พริ้นติ้ง.

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ มีประโยชน์มากเลย

    ตอบลบ
  2. เยอะดี แต่ถ้าเวลาจดก็ทำไม่ไหวเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจมากค่ะ
    ขอบคุณมากเลยค่ะ

    ตอบลบ